รีวิวของร้านนิขุจัง โดยลูกค้า
http://www.misterbuffet.com/shop_nikujung.asp?id=280
http://graphicblock.wordpress.com/2011/06/17/review-niku-jung
http://th.openrice.com/chonburi/restaurant/sr2.htm?shopid=5740
http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2009/11/D8503013/D8503013.html
http://www.kooru.com/shoping/shoping-article-news.php?Art_ID=1245
http://www.maipaimairoo.com/?p=1404
http://graphicblock.wordpress.com/2011/06/17/review-niku-jung
http://th.openrice.com/chonburi/restaurant/sr2.htm?shopid=5740
http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2009/11/D8503013/D8503013.html
http://www.kooru.com/shoping/shoping-article-news.php?Art_ID=1245
http://www.maipaimairoo.com/?p=1404
เทคนิคกินบุฟเฟ่ต์ให้คุ้มและไม่ทรมาน
เชื่อว่าทุกคนเคยกินบุฟเฟ่ต์ ไม่ว่าจะแพงหรือไม่แพง และเชื่อว่าทุกคนก็เคยพบกับอาการทรมาน ด้วยความแน่นท้องอย่างแรง (เพราะยัดไปเยอะ) เอนทรี่ในวันนี้ จะขอเสนอวิธีกินบุฟเฟ่ต์ให้คุ้ม และไม่ทรมาน
1. เลือกร้านที่ราคา พอเหมาะ กับเงินในกระเป๋า ไม่ใช่แบบ ช่วงจนสุดขีด ไปกินหัวละ 699++ ก็ไม่ไหว จะเกิดอาการเสียดายตังอย่างแร๊งงง
2. อย่ากินอะไรรองท้องไปมาก คือ บางคนคิดว่าไม่กินไปเลย โดยหารู้ไม่ว่าทำให้เรายัดๆๆๆๆ จากความหิวมาก และจะทำให้จุก หรืออิ่มเร็วได้ แต่ก็ไม่ควรกินไปซะเยอะ และควรกินก่อนเวลากินบุฟเฟ่ต์อย่างต่ำ 2 ชม. ตัวอย่างที่ควรกิน เช่น กินโจ๊กมื้อเช้า กินบุฟเฟ่มื้อบ่าย ไม่ใช่ กินข้าวผัดมื้อบ่ายแล้วไปกินบุฟเฟ่ต์มื้อเย็น ไม่ดีๆ
3. โค้ก และ อีโน ช่วยคุณได้ แม้ว่าการกินชาเขียวในบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่น และเก๊กฮวย ในบุฟเฟ่ต์ติ่มซำ จะเข้ากะอาหารปานใด เราก็ควรมีการแทรกโค้ก หรือสั่งโค้กไปเลย เพราะว่า มันจะช่วยไล่ลมในท้อง และลดอาการท้องอืดจ่ะ ถ้ากินเสร็จแล้ว แน่นมาก แนะนำอีโนเลยจ่ะ
4. ทริค เล็กๆของการตักอาหาร (หรือบางร้านเป็นระบบสั่งก็ใช้ได้จ่ะ) คือ แบ่งเป็นรอบๆดังนี้
รอบแรก ：สั่ง/ตัก อาหารทุกชนิด อย่างละน้อยๆมาชิมก่อน (ถ้าไม่กินเนื้อวัวก็ไม่แนะนำให้กิน หรือถ้าเป็นอิสลาม ไม่กินเนื้อหมูก็ได้ ไม่เป็นไร ไม่คุ้มนิดเดียว แต่ถ้าเป็นมังสาวิรัติ แนะนำว่าอย่าไปกินบุฟเฟ่ต์ที่เน้นเนื้อ หรือควรกินบุฟเฟ่ต์มังสาวิรัติโดยเฉพาะ)
รอบต่อๆไป ： ตัก อาหารที่ชอบ ลุย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
รอบสุดท้าย : ก็ตักเหมือนเดิมแหละ แต่ขอแนะนำว่า พอรู้สึกอิ่ม กรุณา หยุดตักทันที แล้วเคลียร์อาหารที่มีอยู่ให้หมด พอหมดแล้ว นั่งพักแปป เราจะอิ่มพอดี แบบไม่อิ่มมาก (คือ ฟิ้วสังเกต พอแบบเริ่มรู้สึกอิ่ม ยังแบบ เฮ้ย กินได้ ยัดลงไปอีก ไปตักอีก... อิ่ม ท้องระเบิดทุกครั้ง)
ที่มา : itsasmallworld in Eating
1. เลือกร้านที่ราคา พอเหมาะ กับเงินในกระเป๋า ไม่ใช่แบบ ช่วงจนสุดขีด ไปกินหัวละ 699++ ก็ไม่ไหว จะเกิดอาการเสียดายตังอย่างแร๊งงง
2. อย่ากินอะไรรองท้องไปมาก คือ บางคนคิดว่าไม่กินไปเลย โดยหารู้ไม่ว่าทำให้เรายัดๆๆๆๆ จากความหิวมาก และจะทำให้จุก หรืออิ่มเร็วได้ แต่ก็ไม่ควรกินไปซะเยอะ และควรกินก่อนเวลากินบุฟเฟ่ต์อย่างต่ำ 2 ชม. ตัวอย่างที่ควรกิน เช่น กินโจ๊กมื้อเช้า กินบุฟเฟ่มื้อบ่าย ไม่ใช่ กินข้าวผัดมื้อบ่ายแล้วไปกินบุฟเฟ่ต์มื้อเย็น ไม่ดีๆ
3. โค้ก และ อีโน ช่วยคุณได้ แม้ว่าการกินชาเขียวในบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่น และเก๊กฮวย ในบุฟเฟ่ต์ติ่มซำ จะเข้ากะอาหารปานใด เราก็ควรมีการแทรกโค้ก หรือสั่งโค้กไปเลย เพราะว่า มันจะช่วยไล่ลมในท้อง และลดอาการท้องอืดจ่ะ ถ้ากินเสร็จแล้ว แน่นมาก แนะนำอีโนเลยจ่ะ
4. ทริค เล็กๆของการตักอาหาร (หรือบางร้านเป็นระบบสั่งก็ใช้ได้จ่ะ) คือ แบ่งเป็นรอบๆดังนี้
รอบแรก ：สั่ง/ตัก อาหารทุกชนิด อย่างละน้อยๆมาชิมก่อน (ถ้าไม่กินเนื้อวัวก็ไม่แนะนำให้กิน หรือถ้าเป็นอิสลาม ไม่กินเนื้อหมูก็ได้ ไม่เป็นไร ไม่คุ้มนิดเดียว แต่ถ้าเป็นมังสาวิรัติ แนะนำว่าอย่าไปกินบุฟเฟ่ต์ที่เน้นเนื้อ หรือควรกินบุฟเฟ่ต์มังสาวิรัติโดยเฉพาะ)
รอบต่อๆไป ： ตัก อาหารที่ชอบ ลุย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
รอบสุดท้าย : ก็ตักเหมือนเดิมแหละ แต่ขอแนะนำว่า พอรู้สึกอิ่ม กรุณา หยุดตักทันที แล้วเคลียร์อาหารที่มีอยู่ให้หมด พอหมดแล้ว นั่งพักแปป เราจะอิ่มพอดี แบบไม่อิ่มมาก (คือ ฟิ้วสังเกต พอแบบเริ่มรู้สึกอิ่ม ยังแบบ เฮ้ย กินได้ ยัดลงไปอีก ไปตักอีก... อิ่ม ท้องระเบิดทุกครั้ง)
ที่มา : itsasmallworld in Eating
วิธีเลือกทานอาหารปิ้งย่าง..........
อาหารปิ้งย่างก็ไม่ใช่ เรื่องน่ากลัวเสมอไป ถ้าทานอย่างมีขั้นมีตอน ระวังไขมันจากเนื้อสัตว์ให้มาก และไม่ทานซ้ำซากอยู่แต่เมนูเดิมๆ ก็อิ่มอร่อยแถมลดความเสี่ยงได้
แม้จะทราบกันดีว่าอาหารประเภทปิ้งย่างที่หลายคนโปรดปรานนั้นไม่ค่อยจะดี ต่อสุขภาพนัก เพราะการทำให้อาการสุกโดยใช้ความร้อนสูงโดยการปิ้ง ย่าง และทอดนั้น จะมีสารที่ก่อมะเร็งออกมาเป็นของแถมที่ไม่ต้องการ แต่ด้วยร้านอาหารแบบบุฟเฟต์ช่างมากมายยวนใจเสียเหลือเกิน เมื่ออดใจไม่ไหวก็หาทางลดความเสี่ยงแทนดีกว่า
การจุ่มเนื้อด้วยน้ำซอสขณะย่างเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ช่วยลดปริมาณของสาร ก่อมะเร็ง ถ้าจะจุ่มด้วยเนยแทนก็ได้แต่ต้องระวังอ้วนกันหน่อย นอกจากนี้ไม่ควรทานแต่เนื้อเพียงอย่างเดียว แต่ควรทานผักแกล้มด้วย เช่น ผักกาด บล็อกโคลี กะหล่ำปลี ซึ่งจะอุดมไปด้วยสาร sulforaphane ที่จะช่วยป้องกันการถูกทำลายของดีเอ็นเอ และสามารถช่วยลดความเสียหายของดีเอ็นเอในร่างกายได้
เมื่ออดปฏิเสธไม่ได้ว่าความนิยมในการทานเนื้อนั้นมากกว่าอาหารปิ้งย่าง ชนิดอื่น ดังนั้นควรเปลี่ยนจากเนื้อสัตว์เป็นพวกเนื้อปลาสลับกันบ้าง เพราะอาหารทะเลจะทำให้เกิดสารก่อมะเร็งน้อยกว่าเนื้อสัตว์ เนื่องจากมีกรดอะมิโนน้อยกว่า ที่สำคัญพวกกุ้ง ปลา และปลาหมึกนั้นใช้เวลาในการปิ้งย่างน้อยกว่ามาก
แต่หากคุณชอบเนื้อสัตว์มากกว่าอาหารประเภทปลาจริงๆ ก็ควรลดการบริโภคไขมันจากเนื้อสัตว์ลงด้วยการนำหนังไก่ออกก่อนย่างเพราะหนัง ไก่ หรือไขมันขาวๆ ในเนื้อจะทำให้เกิดการปะทุของไฟ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของสารก่อมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยเปิดเผยว่าน้ำมันจากไขมันขาวๆ ปิ้งย่างอาจเป็นต้นเหตุของมะเร็งเต้านมด้วย
การนำเนื้อไปหมักกับซอสสมุนไพรแบบชาวญี่ปุ่น เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะช่วยลดสารก่อมะเร็งขณะย่างลง เพราะนอกจากสมุนไพรจะมีสรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระแล้วยังช่วยลดสารก่อ มะเร็งได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้การเติมออริกาโน ใบโหระพา มินท์ หรือเครื่องเทศ ลงในเนื้อของคุณก่อนย่างทุกครั้ง หรืออาจจะทานกับกระเทียมสดเป็นหัวๆ ก็จะช่วยทั้งลดคอเลสเตอรอลจากอาหารและลดสารก่อมะเร็งได้ด้วย หากสะดวกปิ้งย่างทานเองที่บ้าน ควรใช้เตาไฟฟ้าไร้ควัน ซึ่งสามารถควบคุมความร้อนได้สม่ำเสมอกว่าการปิ้งย่างด้วยเตาถ่าน และหากจะปิ้งย่างเนื้อสัตว์ที่เป็นตัวๆ เช่น ไก่ก็ขอเสนอให้ใช้เตาย่างที่ใช้ความร้อนด้านข้าง มีแกนเสียบอาหารที่จะย่างหมุนด้วยมอเตอร์ไปเรื่อยๆ จนสุก
นอกจากร้านอาหารบุฟเฟต์แล้ว อาหารปิ้งย่างที่ขายทั่วไปตามท้องถนนอาจมีอันตรายจากสารตะกั่วที่ปะปนมากับ ควันพิษ เช่น บรรดาหมูปิ้ง หรือไก่ย่าง ที่มีกลิ่นยั่วยวนน้ำลายหากอาหารเหล่านั้นมีการปิ้งย่างจนไหม้ หรือมีมันจากเนื้อสัตว์มากจนเกินไป โดยพ่อค้าแม่ค้า ไม่ได้เลาะตรงส่วนที่ไหม้นั้นออก หากบริโภคไปแล้วก็มีโอกาสเป็นมะเร็งได้ ดังนั้นจึงควรสังเกตว่าแม่ค้าใส่ใจกับการปรุงมากเพียงใดและปลอดภัยถูกอนามัย หรือไม่
ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
แม้จะทราบกันดีว่าอาหารประเภทปิ้งย่างที่หลายคนโปรดปรานนั้นไม่ค่อยจะดี ต่อสุขภาพนัก เพราะการทำให้อาการสุกโดยใช้ความร้อนสูงโดยการปิ้ง ย่าง และทอดนั้น จะมีสารที่ก่อมะเร็งออกมาเป็นของแถมที่ไม่ต้องการ แต่ด้วยร้านอาหารแบบบุฟเฟต์ช่างมากมายยวนใจเสียเหลือเกิน เมื่ออดใจไม่ไหวก็หาทางลดความเสี่ยงแทนดีกว่า
การจุ่มเนื้อด้วยน้ำซอสขณะย่างเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ช่วยลดปริมาณของสาร ก่อมะเร็ง ถ้าจะจุ่มด้วยเนยแทนก็ได้แต่ต้องระวังอ้วนกันหน่อย นอกจากนี้ไม่ควรทานแต่เนื้อเพียงอย่างเดียว แต่ควรทานผักแกล้มด้วย เช่น ผักกาด บล็อกโคลี กะหล่ำปลี ซึ่งจะอุดมไปด้วยสาร sulforaphane ที่จะช่วยป้องกันการถูกทำลายของดีเอ็นเอ และสามารถช่วยลดความเสียหายของดีเอ็นเอในร่างกายได้
เมื่ออดปฏิเสธไม่ได้ว่าความนิยมในการทานเนื้อนั้นมากกว่าอาหารปิ้งย่าง ชนิดอื่น ดังนั้นควรเปลี่ยนจากเนื้อสัตว์เป็นพวกเนื้อปลาสลับกันบ้าง เพราะอาหารทะเลจะทำให้เกิดสารก่อมะเร็งน้อยกว่าเนื้อสัตว์ เนื่องจากมีกรดอะมิโนน้อยกว่า ที่สำคัญพวกกุ้ง ปลา และปลาหมึกนั้นใช้เวลาในการปิ้งย่างน้อยกว่ามาก
แต่หากคุณชอบเนื้อสัตว์มากกว่าอาหารประเภทปลาจริงๆ ก็ควรลดการบริโภคไขมันจากเนื้อสัตว์ลงด้วยการนำหนังไก่ออกก่อนย่างเพราะหนัง ไก่ หรือไขมันขาวๆ ในเนื้อจะทำให้เกิดการปะทุของไฟ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของสารก่อมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยเปิดเผยว่าน้ำมันจากไขมันขาวๆ ปิ้งย่างอาจเป็นต้นเหตุของมะเร็งเต้านมด้วย
การนำเนื้อไปหมักกับซอสสมุนไพรแบบชาวญี่ปุ่น เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะช่วยลดสารก่อมะเร็งขณะย่างลง เพราะนอกจากสมุนไพรจะมีสรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระแล้วยังช่วยลดสารก่อ มะเร็งได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้การเติมออริกาโน ใบโหระพา มินท์ หรือเครื่องเทศ ลงในเนื้อของคุณก่อนย่างทุกครั้ง หรืออาจจะทานกับกระเทียมสดเป็นหัวๆ ก็จะช่วยทั้งลดคอเลสเตอรอลจากอาหารและลดสารก่อมะเร็งได้ด้วย หากสะดวกปิ้งย่างทานเองที่บ้าน ควรใช้เตาไฟฟ้าไร้ควัน ซึ่งสามารถควบคุมความร้อนได้สม่ำเสมอกว่าการปิ้งย่างด้วยเตาถ่าน และหากจะปิ้งย่างเนื้อสัตว์ที่เป็นตัวๆ เช่น ไก่ก็ขอเสนอให้ใช้เตาย่างที่ใช้ความร้อนด้านข้าง มีแกนเสียบอาหารที่จะย่างหมุนด้วยมอเตอร์ไปเรื่อยๆ จนสุก
นอกจากร้านอาหารบุฟเฟต์แล้ว อาหารปิ้งย่างที่ขายทั่วไปตามท้องถนนอาจมีอันตรายจากสารตะกั่วที่ปะปนมากับ ควันพิษ เช่น บรรดาหมูปิ้ง หรือไก่ย่าง ที่มีกลิ่นยั่วยวนน้ำลายหากอาหารเหล่านั้นมีการปิ้งย่างจนไหม้ หรือมีมันจากเนื้อสัตว์มากจนเกินไป โดยพ่อค้าแม่ค้า ไม่ได้เลาะตรงส่วนที่ไหม้นั้นออก หากบริโภคไปแล้วก็มีโอกาสเป็นมะเร็งได้ ดังนั้นจึงควรสังเกตว่าแม่ค้าใส่ใจกับการปรุงมากเพียงใดและปลอดภัยถูกอนามัย หรือไม่
ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
49 วิธีกินหมูกระทะ (หมูย่างเกาหลี) ให้สะใจ!
1.ไม่ควรแต่งกายเมืองหนาว
2.เตรียมผ้าเช็ดหน้าไปด้วย
3.เครื่องดื่ม Sponsor จะช่วยได้ในยามเสียเหงื่อ
4.ควรเลือกที่นั่งอยู่เหนือลมป้องกันขี้เถ้าเข้าตา
5. อย่านั่งใกล้ชั้นวางเครื่องดื่มเพราะจะทำให้คุณอาจจะเปลี่ยนจากผู้บริโภคเป็นผู้บริการทันที
6.ไม่ควรนั่งหันหน้าเข้าข้างฝา
7.เพราะการหันหลังคีบหมูกระทะยากมาก
8.ดูฮวงจุ้ยดีๆ คีบถนัด เอื้อมแขนถึง
9.ไม่ควรสั่งเนื้อมากินเพราะเป็นสัตว์ใหญ่
10.ไม่ควรสั่งละมั่งมากินเพราะเป็นสัตว์สงวน
11.แยกหม้อถ้าไม่กินเนื้อ
12.แยกหม้อถ้าไม่กินผัก
13.แยกกันถ้ามันเรื่องมากนัก
14.เตรียมดอกไม้ไปจากบ้านเพราะจะมีเด็กมาขายและทำให้สียเงิน
15. อย่าเอาดอกกุหลาบที่ซื้อมากำละ20ไปจีบสาวโต๊ะข้างๆเพราะเป็นการลงทุนต่ำทั้งเงินและสติปัญญา
16.อย่าจีบเด็กเสิร์ฟขณะยกหม้อมา
17.ไม่ควรเปิดเพลง เจ้าตาก ของคาราบาวระหว่างการกินหมูกระทะเพลงเร็วย่างไม่ทันกิน
18.คีบเนื้อให้มั่นคง
19.เพราะในหม้อหมูกระทะเหมืองสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า เนื้อจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
20. หากเนื้อคุณหายให้เอาตะเกียบไปใกล้ๆตะเกียบของเพื่อนร่วมหม้อและคีบเอาเนื้อของมันมา
21.แล้วท่านจะได้เนื้อของท่านคืนมา
22.ไม่ควรกินเหล้าระหว่างการกินหมูกระทะเพราะจะทำให้เมา
23.ถ้าเมาแล้วไม่ควรพยายามขับรถกลับบ้าน
24.หรือขับหมูกระทะกลับบ้าน หรือขับรถกลับหมูกระทะ
25.ถ้าไม่อยากหัวเหม็น เลือกร้านที่โอเพ่นแอร์เท่านั้น
26.ชวนหญิงดูพระจันทร์ในหม้อหมูกระทะจะโรแมนติกมาก
27.นักมวยควรถอดฟันยางก่อนกิน
28.หยุดทำทุกอย่างขณะยกเตามา
29.ไม่จำเป็นต้องกินให้หมดถ้าอิ่ม เพราะไม่ใช่โออิชิ ไม่มีปรับของเหลือ
30.ไม่ต้องปั้นหน้าอร่อยเหมือนพิธีกรรายการ อร่อยบ่ายครายเครียด
31.แยกให้ออกระหว่างหมูกระทะทั่วไปกับหมูกระทะแซบฮัท
32.แยกให้ออกระหว่างหมูกระทะแซบฮัท กับ เดอะหมูกระทะแซบคัมปะนี
33.หลอกเพื่อนไม่กินเนื้อว่านี่คือหมู
34.หลอกเพื่อนไม่กินหมูว่านี่คือผักบุ้ง
35.หยดน้ำมันหอมระเหยลงไปในหม้อหมูกระทะจะมีกลิ่นอ่อนๆเทอราปีช่วยครายเครียด
26.คนผมยาวรวบผมให้ดี ผมสยายลงในจานเนื้อเหม็นมาก
37.โกนหนวดก่อนจะดี เศษจิ้มจุ่มติดหนวดดูเซ็กซี่เกินไป
38.ไปกินหลายๆคน
39.แล้วแย่งกันกิน
40.ร้านที่กินต้องบุฟเฟ่เท่านั้น
41.ร้านแถวรามก็ดีไปเลย
42.แต่อย่าไปเลยถ้าไปกินน้อยกว่า 4คน เพราะจะไม่หนุก
43.เอ่อ...ล้างมือก่อนกิน
44.อ่า...กินเสร็จแล้วล้างมือ
45.อืม...เอ่อ...ยังไงดี
46.อ้อ...การให้ทิป ทำให้พนักงานเสิร์ฟมีกำลังใจสู้ชีวิต
47.อ่า...จะถึง49ไหมวะเนี่ย
48.แบบว่า...หมูกระทะ หมูกระทะ หมูกระทะถูกเผา มันจะถูกตะเกียบจ๊ากก!! มันจะถูกตะเกียบเจี๊ยก!! คีบหมูซ้าย คีบหมูขวา ร้อนจริงๆ ร้อนจริงๆ ร้อนจริงๆ <_<
49.ไชโย
*..ก่อนจบ คุณรู้หรือไม่ว่า หมูกระทะ หมุย่างเกาหลี หรือ จิ้มจุ่มนั้น! !!ทำมาจากเนื้อช้าง!!! นี่คือเรื่องจริง!!
เพราะมีการพิสูจน์กันมานักต่อนักแล้ว!!
ถ้าคุณไม่เชื่อ!! คุณไปพิสูจน์ด้วยตัวเองได้เลยตามร้านต่างๆ...
ให้สังเกตุดู!! ว่าตรงเนื้อที่เค้าจัดมาให้เรานั้น มีงาติดมาด้วย!!..
( เอ้า งงๆ....งงเข้าไป )
หรือว่าจะเถียง!!!! ว่านั่น!! ไม่ใช่งา!! โอ้!!.... เนื้อช้างชัดๆ <_<
ที่มา : ไม่ทราบ
2.เตรียมผ้าเช็ดหน้าไปด้วย
3.เครื่องดื่ม Sponsor จะช่วยได้ในยามเสียเหงื่อ
4.ควรเลือกที่นั่งอยู่เหนือลมป้องกันขี้เถ้าเข้าตา
5. อย่านั่งใกล้ชั้นวางเครื่องดื่มเพราะจะทำให้คุณอาจจะเปลี่ยนจากผู้บริโภคเป็นผู้บริการทันที
6.ไม่ควรนั่งหันหน้าเข้าข้างฝา
7.เพราะการหันหลังคีบหมูกระทะยากมาก
8.ดูฮวงจุ้ยดีๆ คีบถนัด เอื้อมแขนถึง
9.ไม่ควรสั่งเนื้อมากินเพราะเป็นสัตว์ใหญ่
10.ไม่ควรสั่งละมั่งมากินเพราะเป็นสัตว์สงวน
11.แยกหม้อถ้าไม่กินเนื้อ
12.แยกหม้อถ้าไม่กินผัก
13.แยกกันถ้ามันเรื่องมากนัก
14.เตรียมดอกไม้ไปจากบ้านเพราะจะมีเด็กมาขายและทำให้สียเงิน
15. อย่าเอาดอกกุหลาบที่ซื้อมากำละ20ไปจีบสาวโต๊ะข้างๆเพราะเป็นการลงทุนต่ำทั้งเงินและสติปัญญา
16.อย่าจีบเด็กเสิร์ฟขณะยกหม้อมา
17.ไม่ควรเปิดเพลง เจ้าตาก ของคาราบาวระหว่างการกินหมูกระทะเพลงเร็วย่างไม่ทันกิน
18.คีบเนื้อให้มั่นคง
19.เพราะในหม้อหมูกระทะเหมืองสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า เนื้อจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
20. หากเนื้อคุณหายให้เอาตะเกียบไปใกล้ๆตะเกียบของเพื่อนร่วมหม้อและคีบเอาเนื้อของมันมา
21.แล้วท่านจะได้เนื้อของท่านคืนมา
22.ไม่ควรกินเหล้าระหว่างการกินหมูกระทะเพราะจะทำให้เมา
23.ถ้าเมาแล้วไม่ควรพยายามขับรถกลับบ้าน
24.หรือขับหมูกระทะกลับบ้าน หรือขับรถกลับหมูกระทะ
25.ถ้าไม่อยากหัวเหม็น เลือกร้านที่โอเพ่นแอร์เท่านั้น
26.ชวนหญิงดูพระจันทร์ในหม้อหมูกระทะจะโรแมนติกมาก
27.นักมวยควรถอดฟันยางก่อนกิน
28.หยุดทำทุกอย่างขณะยกเตามา
29.ไม่จำเป็นต้องกินให้หมดถ้าอิ่ม เพราะไม่ใช่โออิชิ ไม่มีปรับของเหลือ
30.ไม่ต้องปั้นหน้าอร่อยเหมือนพิธีกรรายการ อร่อยบ่ายครายเครียด
31.แยกให้ออกระหว่างหมูกระทะทั่วไปกับหมูกระทะแซบฮัท
32.แยกให้ออกระหว่างหมูกระทะแซบฮัท กับ เดอะหมูกระทะแซบคัมปะนี
33.หลอกเพื่อนไม่กินเนื้อว่านี่คือหมู
34.หลอกเพื่อนไม่กินหมูว่านี่คือผักบุ้ง
35.หยดน้ำมันหอมระเหยลงไปในหม้อหมูกระทะจะมีกลิ่นอ่อนๆเทอราปีช่วยครายเครียด
26.คนผมยาวรวบผมให้ดี ผมสยายลงในจานเนื้อเหม็นมาก
37.โกนหนวดก่อนจะดี เศษจิ้มจุ่มติดหนวดดูเซ็กซี่เกินไป
38.ไปกินหลายๆคน
39.แล้วแย่งกันกิน
40.ร้านที่กินต้องบุฟเฟ่เท่านั้น
41.ร้านแถวรามก็ดีไปเลย
42.แต่อย่าไปเลยถ้าไปกินน้อยกว่า 4คน เพราะจะไม่หนุก
43.เอ่อ...ล้างมือก่อนกิน
44.อ่า...กินเสร็จแล้วล้างมือ
45.อืม...เอ่อ...ยังไงดี
46.อ้อ...การให้ทิป ทำให้พนักงานเสิร์ฟมีกำลังใจสู้ชีวิต
47.อ่า...จะถึง49ไหมวะเนี่ย
48.แบบว่า...หมูกระทะ หมูกระทะ หมูกระทะถูกเผา มันจะถูกตะเกียบจ๊ากก!! มันจะถูกตะเกียบเจี๊ยก!! คีบหมูซ้าย คีบหมูขวา ร้อนจริงๆ ร้อนจริงๆ ร้อนจริงๆ <_<
49.ไชโย
*..ก่อนจบ คุณรู้หรือไม่ว่า หมูกระทะ หมุย่างเกาหลี หรือ จิ้มจุ่มนั้น! !!ทำมาจากเนื้อช้าง!!! นี่คือเรื่องจริง!!
เพราะมีการพิสูจน์กันมานักต่อนักแล้ว!!
ถ้าคุณไม่เชื่อ!! คุณไปพิสูจน์ด้วยตัวเองได้เลยตามร้านต่างๆ...
ให้สังเกตุดู!! ว่าตรงเนื้อที่เค้าจัดมาให้เรานั้น มีงาติดมาด้วย!!..
( เอ้า งงๆ....งงเข้าไป )
หรือว่าจะเถียง!!!! ว่านั่น!! ไม่ใช่งา!! โอ้!!.... เนื้อช้างชัดๆ <_<
ที่มา : ไม่ทราบ
